วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557


                                                                ระบบนิเวศในน้ำเค็ม


      แหล่งน้ำเค็มได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร จัดเป็นแหล่งน้ำไหลเนื่องจากมีกระแสคลื่นเกิดขึ้นตลอดเวลา ระบบนิเวศทางบทะเลเป็นระบบนิเวศที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นประมาณ 3 ใน 4 ส่วน ของผิวโลก สามารถแบ่งเขตออกเป็น 2 บริเวณ คือ

      - บริเวณชายฝั่งทะเล (coastal  zone) เป็นบริเวณที่อยู่ติดกับพื้นดินที่มีความลาดชันน้อยและค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำขึ้นน้ำลง และได้รับธาตุอาหารจากการชะล้างผิวหน้าดินลงสู่แหล่งน้ำ
       - บริเวณทะเลเปิด (open sea) เป็นบริเวณที่อยู่ห่างออกจากชายฝั่ง พื้นที่มีความลาดชันเพิ่มขึ้นตามความลึกของน้ำ สามารถแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ ได้ 3 เขต คือ เขตที่แสงส่องถึง เขตที่มีแสงน้อย และเขตที่ไม่มีแสง

นอกจากนี้แล้วระบบนิเวศแหล่งน้ำเค็มอาจแบ่งตามลักษณะพื้นผิวทางกายภาพได้เป็น

      - ระบบนิเวศหาดหิน (rocky shore) ประกอบด้วยชายฝั่งทะเล ซึ่งมีทั้งหาดทรายและหาดหิน     เป็นบริเวณที่จะถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาตลอดเวลา ฉะนั้นสัตว์ที่อาศัยบริเวณนี้ต้องคงทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ได้แก่ แมลงสาบทะเล (ligio) หอยนางรม ลิ่มทะเล หอยหมวกเจ๊ก (limpets) เพรียงหิน เม่นทะเล ดอกไม้ทะเล สาหร่ายสีแดง

       - นิเวศหาดทราย (sandy beach) สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระบบนี้ต้องมีการปรับตัวมาก เพราะคลื่นซัดทรายในสภาพที่รุนแรง เช่น ปูลม เคลื่อนที่ได้รวดเร็วและมีเหงือกใหญ่ชุ่มชื้นอยู่เสมอทนความแห้งแล้งได้ดี นอกจากนี้ยังมีพวกหอยเสียบ หอยทับทิม ชอบฝังตัวหรือขุดรูอยู่ในทราย

      - ระบบนิเวศหาดโคลน หาดโคลนมีคลื่นลมและกระแสน้ำอ่อน ๆองค์ประกอบของพื้นที่เป็นโคลนเป็นบริเวณ ที่มีขนาดตะกอน  เล็กมาก มักจะพบหาดโคลนบริเวณปากแม่น้ำ อ่าวที่มีกำบังลม อ่าวปิด ทะเลสาบ

       - ระบบนิเวศแนวปะการัง (coral reef) หรืออุทยานใต้ทะเล ปะการังสืบพันธุ์ด้วยการแตกหน่อเชื่อมติดกันมีสารหินปูนห่อหุ้มลำตัว กลุ่มก้อนปะการังที่สวยงามมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ปะการังเห็ด ปะการังต้นไม้ ฯลฯ พบที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี หมู่เกาะลันตา จ. กระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง และที่อื่นๆ อีกมาก ระบบนิเวศแนวปะการังเป็นแหล่งที่ให้ความอุดมสมบูรณ์ทางด้านอาหาร ที่อยู่อาศัย แหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำแต่ละชนิด เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายและให้ผลผลิตสูงมากในทะเล

      - ระบบนิเวศทะเลลึก เป็นบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าระดับแสงส่องถึง มีปัจจัยต่างๆ ทีมีผลต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ได้แก่ องค์ ประกอบของดินตะกอน ความเต็ม ออกซิเจน อาหาร อุณหภูมิ ความดัน และแสง สิ่งมีชีวิตจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและ สามารถสืบพันธุ์ออกลูกหลานได้

      - ระบบนิเวศหญ้าทะเล ตามชายฝั่งทะเลที่มีคลื่นลมค่อนข้างสงบหรือตามอ่าวที่มีลักษณะกึ่งปิด เราจะพบระบบนิเวศ แบบหนึ่ง ที่มีคุณค่ามหาศาล นั้นคือ " ระบบนิเวศน์หญ้าทะเล" ที่มีวิวัฒนาการจากพืชบกที่ค่อยๆ ปรับตัวลงสู่ทะเล  โดยมีการปรับตัวที่ทำให้ หญ้าทะเลสามารถดำรงชีวิตอยู่ใต้น้ำได้อย่างสมบูรณ์
      นักวิชาการกล่าวกันว่าแหล่งหญ้าทะเลเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางทะเลที่เพิ่งจะเริ่มเป็นที่รู้จักและ เห็นความสำคัญในวงวิชาการในระยะเวลาไม่เกินสิบปีที่ผ่านมานี้เอง เป็นแหล่งพรรณพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตระกูลหญ้าสกุล potomogetomaceae และ hydrocharitaceae ขึ้นงอกงามบริเวณตั้งแต่แนวน้ำลงปานกลาง ไปจนถึงความลึกประมาณ 3-8 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความใสของน้ำ โดยทั่วไปแล้วจะพบแนวหญ้าทะเลเป็นส่วนหนึ่งของชายฝั่งที่กำบังคลื่นลมและไม่ ได้รับอิทธิพลมาจากน้ำจืดที่ไหลมาจากฝั่ง ความสำคัญของแนวหญ้าทะเลนี้พบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะตัวอ่อนของสัตว์ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมีคุณค่าสำคัญที่มักถูก มองข้ามเสมอคือ คุณค่าในทางอาหารและรายได้ของชาวประมงขนาดเล็ก หรือชาวประมงชายฝั่งผู้ด้อยฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เช่น กุ้ง ปลาเก๋า และเป็นแหล่งอาหารของเต่าทะเลที่มีคุณค่านี้ เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของการเปลี่ยนแปลงสภาพชายฝั่งอย่างรวดเร็ว ตะกอนอันเกิดจากกิจกรรมบนฝั่งหรือในน้ำ และการประมงโดยอวนรุน เป็นต้น


ปัจจัยกำหนดลักษณะของระบบนิเวศ
      1.อุณหภูมิ อุณหภูมิมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของออกซิเจนในน้ำ การเปลี่ยนแปลงรูปพรรณและสรีระของสิ่งมีชีวิต การอพยพของสัตว์ การแพร่กระจายของพืชและสัตว์
      2.แสงสว่าง ส่วนใหญ่เป็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เพราะทำให้เกิดการถ่ายเทวัตถุธาตุต่าง ๆ
ช่วงแสงมีผลต่อการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของพืชหลายชนิด และความเข้มแสงมีผลต่อการสังเคราะห์แสง
      3.มลภาวะ การเกิดมลภาวะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือระบบนิเวศไปในทางเลวร้าย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
      4.การแย่งชิง เป็นการแย่งชิงกันระหว่างสิ่งมีชีวิต เนื่องจากมีความต้องการเหมือนกัน แต่มีไม่เพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่เป็นปกติได้
      5.การกินซึ่งกันและกัน เป็นการที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งกินสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เป็นอาหาร ทำให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศแต่ระบบนิเวศที่ขาดการกินซึ่งกันและกัน ก็จะมีผลทำให้ระบบนิเวศนั้นเสียสมดุลทางธรรมชาติได้
      6.มลภาวะ การเกิดมลภาวะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือระบบนิเวศไปในทางเลวร้าย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์